สล็อตแตกง่าย‘ชัยวุฒิ’ เตือน ขนมโตเกียวห่อประวัติคนไข้ ผิด PDPA

สล็อตแตกง่าย‘ชัยวุฒิ’ เตือน ขนมโตเกียวห่อประวัติคนไข้ ผิด PDPA

ชัยวุฒิ แจงปม ขนมโตเกียวห่อประวัติคนไข้ ยืนยันว่าผิดสล็อตแตกง่าย PDPA ยืนยันจะยังไม่เอาผิด แต่ขอให้ประชาชนระมัดระวังข้อมูลลูกค้ารั่ว นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์กรณีที่หญิงชาวชลบุรีได้ร้องว่าเธอพบว่าขนมโตเกียวของเธอห่อประวัติคนไข้ หรือแม้กระทั้งมรณะบัตรจากโรงพยาบาล จนทำให้เธอเกิดความไม่สบายใจ และนำไปร้อง THE STANDARD ดังที่มีรายงานก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุดนาย ชัยวุฒิ เตือนว่าถุงขนมโตเกียวทำจากใบประวัติคนไข้นั้น 

ผิดพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA แต่ในช่วงแรกเรายังไม่เน้นการเอาผิดและการลงโทษ แต่อยากจะแจ้งให้ผู้ประกอบการที่มีข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ต้องเก็บรักษาข้อมูลให้ดี อย่าให้มีการรั่วไหลขึ้น หากจะทิ้งต้องทำลาย เผา ฉีก อย่าเอาไปขายหรือเอาไปใช้ต่อ เพราะข้อมูลเหล่านี้หากรั่วไหลออกไปถือว่าผิดกฎหมาย เป็นมาตรการที่ทุกหน่วยงาน ทุกบริษัท ทุกองค์กรต้องทราบว่า ใบสมัครของประชาชนหรือเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลจะเอาไปทิ้งขยะเลยไม่ได้ ต้องทำลายก่อน

ผู้สื่อข่าวได้สมมุติว่าหากเจ้าของประวัติฟ้องที่มีการนำ ใบประวัติคนไข้ทำถุงโตเกียวขาย มีสิทธิ์ฟ้องร้องได้หรือไม่ นายชัยวุฒิยืนยันว่าฟ้องได้ แต่อยากย้ำว่าในระยะแรกของการบังคับใช้กฎหมายเรายังมีข้อผ่อนผัน โดยเป็นการตักเตือน ยังไม่อยากบังคับใช้ เพราะเกรงว่าบริษัทจะไม่กล้าทำงาน จนเกิดผลกระทบอื่นๆ ตามมากับประชาชน

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ หญิงคนหนึ่งได้ร้องกับสื่อว่า ตนได้ซื้อขนมโตเกียวมาและพบว่า ห่อกระดาษทำจากประวัติคนไข้ และมีข้อมูลส่วนตัวชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นชื่อนามสกุล หมายเลขบัตรประจำชาชน โทรศัพท์ หมู่เลือด โรคประจำตัว สิทธิการรักษา ช่วงเวลาการเข้ารักษา อาการที่เข้ารักษา ที่อยู่ ครบถ้วน

ทั้งไม่ปรากฏว่าจําเลยที่ 2 ใช้อํานาจครอบงําสั่งการให้มีการเสนอขอเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดจ้าง หรือมีพฤติการณ์ที่มิชอบแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าจําเลยที่ ๒ ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการใช้ดุลพินิจให้ ความเห็นชอบการจัดจ้างตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ข้อ 4 ข้อ 27 และ ข้อ 29 แล้ว

ทั้งการกําหนดรูปแบบการจัดจ้าง แนวทางการจัดจ้าง และวิธีการจัดจ้าง มิใช่เรื่องที่ต้องเสนอให้ คณะรัฐมนตรีพิจารณา แม้จําเลยที่ 2 ขออนุมัติต่อจําเลยที่ 1 โดยไม่เสนอให้นายกรัฐมนตรีนําเสนอเรื่อง แก่คณะรัฐมนตรีพิจารณาก็ตาม แต่เมื่อจําเลยที่ 1 เคยอนุมัติวิธีการจัดจ้างตามที่พลตํารวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติในขณะนั้นเสนอมาก่อนแล้ว

การเสนอดังกล่าวจึงเป็นการปฏิบัติ หน้าที่ตามสายงานการบังคับบัญชาเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าจําเลยที่ 1 จะอนุมัติตามที่จําเลยที่ 2 เสนอหรือไม่ ก็ไม่มีผลต่อความเห็นชอบของจําเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนราชการ ดังนี้ การกระทําของจําเลยที่ 2 จึงไม่ใช่การกระทําโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ด่วน! ศาลพิพากษา ยกฟ้อง ‘สุเทพ’ และพวก คดีโรงพัก 396 แห่ง

ตามคาด ศาลพิพากษา ยกฟ้อง สุเทพ และพวกรวม 6 คน คดีโรงพัก 396 แห่ง ชี้ไม่ได้เป็นการบกพร่องหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (สนามหลวง) อ่านคำพิพากษา คดีโรงพัก ที่ ป.ป.ช. ได้ยื่นฟ้องจำเลย 6 คน โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และอดีตรองนายกรัฐมนตรี รวมอยู่ด้วยนั้น

ล่าสุดศาลฎีกาวินิจฉัยคดีโรงพักร้างว่า นายสุเทพ หรือ จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามฟ้อง เนื่องจากพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 มาตรา 4 อนุมาตรา 1 ประกอบ ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 กำหนดว่า คณะรัฐมนตรีต้องให้ความเห็นชอบตามหลักการที่หน่วยงานราชการเสนอเท่านั้น เว้นแต่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะ

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน หรือ โรงพัก 396 แห่ง โดยไม่ได้อนุมัติแนวทาง รูปแบบ หรือวิธีการจัดจ้าง พร้อมทั้งให้ความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงแหล่งรายได้จากหลักทรัพย์เป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปี

จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไม่ได้เสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบวิธีการจัดจ้างโครงการดังกล่าว จึงไม่ถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฎิบัติหน้าที่ให้เสียหายต่อทางราชการตำรวจและการจัดซื้อจัดจ้าง จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง

ส่วน จำเลยที่ 2 พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการ ผบ.ตร. ศาลพิพากษาว่า เป็นการเสนอรูปแบบการจัดจ้างตามสายงาน ในฐานะรักษาการแทน ผบ.ตร. ในขณะนั้น ไม่ว่าจำเลยที่ 1 จะให้ความเห็นชอบหรือไม่ก็ตาม จึงไม่ถือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฎิบัติหน้าที่ให้เสียหายต่อทางราชการตำรวจและการจัดซื้อจัดจ้าง จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง

อันถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ เกิดความเสียหายแก่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ระบบราชการ และระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จําเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดตามฟ้องจําเลยที่ 3 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการประกวดราคา และจําเลยที่ 4 เป็น กรรมการและเลขานุการฯ โครงการก่อสร้างอาคารที่ทําการสถานีตํารวจ (ทดแทน) จํานวน 396 หลัง วงเงิน 6,248,000,000 บาท ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบสํานัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2559 ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การพัสดุ พ.ศ. 2535สล็อตแตกง่าย